– พ.ศ. 2310 : ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า 2 เดือน พระยาตาก (สิน) ซึ่งขณะนั้นเป็นพระยากำแพงเพชร ได้นำกำลังพล 500 คน เดินทัพจากค่ายวัดพิชัยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
– ระหว่างทาง พระยาตากได้หยุดพักทัพที่บริเวณหน้าวัดใหญ่อินทราราม (ปัจจุบัน) และเคลื่อนทัพต่อมายังบ้านหนองไผ่ (ปัจจุบันอยู่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา)
– ณ ที่นั่น นายกลม ผู้นำท้องถิ่น ได้นำกำลังมาต้อนรับและสวามิภักดิ์ต่อพระยาตาก
– ชาวบ้านเรียกบริเวณที่พระยาตากตั้งทัพว่า “ทัพพระยา”
– ต่อมาเพี้ยนเป็น “พัทธยา” โดยมีความหมายเชื่อมโยงกับ “ลมพัทธยา” ซึ่งเป็นลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในต้นฤดูฝน
– ปัจจุบันสะกดเป็น “พัทยา”
– 29 มิถุนายน 2502: จุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อทหารอเมริกันจากฐานทัพในนครราชสีมาเดินทางมาพักผ่อนที่ชายหาดพัทยา
– ทหารอเมริกันเช่าบ้านพักตากอากาศของพระยาสุนทรบริเวณตอนใต้ของหาดพัทยา พักผ่อนเป็นงวดๆ ละ 1 สัปดาห์
– เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาพัทยาจากหมู่บ้านชายทะเลที่สงบเงียบสู่แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เมืองพัทยาได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองหลายครั้ง สะท้อนถึงการเติบโตและความสำคัญที่เพิ่มขึ้น
1. พ.ศ. 2499: จัดตั้งสุขาภิบาลนาเกลือ ครอบคลุมพื้นที่เฉพาะตำบลนาเกลือ
2. พ.ศ. 2507: ขยายเขตสุขาภิบาลไปถึงพัทยาใต้ รวมพื้นที่ประมาณ 22.2 ตารางกิโลเมตร
3. 29 พฤศจิกายน 2521: ยกฐานะเป็น “เมืองพัทยา” ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2521
– รูปแบบการปกครองพิเศษ (City Manager)
– มีฐานะเทียบเท่าเทศบาลนคร
4. 30 พฤศจิกายน 2542: ปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกครองตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542
– สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ที่กำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นและสภาท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง
ตำแหน่งที่ตั้ง
– ตั้งอยู่ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
– อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 150 กิโลเมตร
– พิกัดภูมิศาสตร์: 13° เหนือ, 101° ตะวันออก
– ที่อยู่: เลขที่ 171 หมู่ 6 ถนนพัทยาเหนือ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150
อาณาเขต
– ทิศเหนือ: ติดต่อกับเขตเทศบาลตำบลบางละมุงและเทศบาลตำบลหนองปลาไหล (แนวคลองกระทิงลาย)
– ทิศใต้: ติดต่อกับเขตเทศบาลตำบลห้วยใหญ่และเทศบาลตำบลนาจอมเทียน
– ทิศตะวันออก: ขนานไปกับถนนสุขุมวิท (ห่างประมาณ 900 เมตร) ติดต่อกับเขตเทศบาลตำบลหนองปลาไหลและเทศบาลเมืองหนองปรือ
– ทิศตะวันตก: ขนานกับแนวชายฝั่งทะเลไทย
พื้นที่โดยรวม
– พื้นที่ทั้งหมด: 208.10 ตารางกิโลเมตร (130,062.50 ไร่)
– พื้นดิน (รวมเกาะล้าน): 53.44 ตารางกิโลเมตร (33,400 ไร่)
– พื้นน้ำ: 154.66 ตารางกิโลเมตร (96,662.50 ไร่)
– เกาะล้าน: 4.07 ตารางกิโลเมตร (2,543.75 ไร่)
– ความยาวชายหาด: ประมาณ 15 กิโลเมตร
เมืองพัทยาประกอบด้วยพื้นที่จาก 4 ตำบล:
1. ตำบลนาเกลือ: หมู่ 1, 2, 3, 4, 5, 6 และ 7 (เกาะล้าน)
2. ตำบลหนองปรือ: หมู่ 5, 6, 9, 10, 11, 12 และ 13
3. ตำบลห้วยใหญ่: หมู่ 4 (บางส่วน)
4. ตำบลหนองปลาไหล: หมู่ 6, 7 และ 8
เมืองพัทยามีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลาย ประกอบด้วย:
ภูมิประเทศหลัก
– พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่เนิน มีที่ราบน้อย
– ที่ราบสำคัญเป็นที่ตั้งของย่านพาณิชยกรรม แหล่งการค้า และบริเวณที่พักอาศัย
เนินเขา
– ล้อมรอบด้วยเนินเขาเตี้ยๆ สูงไม่เกิน 100 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
– ทางทิศเหนือมีเนินเขาสูงประมาณ 35 เมตร
– ถัดลงมาเป็นเขาน้อย เขาตาโล และเขาเสาธงทอง สูงประมาณ 65 เมตร
– เขาพัทยาทางด้านทิศตะวันตก สูงประมาณ 98 เมตร
ที่ราบ
– ที่ราบตอนบน: ส่วนใหญ่เป็นบริเวณนาเกลือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางชุมชน
– ที่ราบตอนล่าง: เป็นแถบยาวขนานไปกับชายฝั่งทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 1 กิโลเมตร
แหล่งน้ำธรรมชาติ
– มีลำน้ำขนาดเล็กหลายสาย เช่น คลองนาเกลือ คลองเสือแผ้ว คลองพัทยา
– ลำน้ำมักตื้นเขินในช่วงฤดูแล้ง
เกาะ
– มีเกาะในเขตการปกครอง ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ 8 กิโลเมตร
– เกาะสำคัญ ได้แก่ เกาะล้าน เกาะครก และเกาะสาก
พื้นที่เมืองพัทยาประกอบด้วยหินประเภทต่างๆ ดังนี้:
1. ตะกอนลำน้ำและหินกรวด:
– เกิดในยุคควอเทอร์นารีถึงปัจจุบัน
– พบมากทางตอนบนของพื้นที่เมืองพัทยา
2. หินแกรนิตและแกรโนดิโอไรท์:
– เป็นหินอัคนีเกิดในยุคไทรแอสสิก
– พบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะริมชายฝั่งทะเล
3. หินแกรนิต:
– เป็นหินอัคนีเกิดในยุคคาร์บอนิเฟอรัส
– พบทางด้านตะวันตกของเมืองพัทยา เป็นแนวยาวขนานกับถนนสุขุมวิท
4. หน่วยหินกาญจนบุรี:
– เป็นหินตะกอนและหินแปรเกิดในยุคคาร์บอนิเฟอรัส ยุคดีโวเนียน และยุคไซลู
เมืองพัทยามีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้น แบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาลหลัก:
ภาพรวมสภาพอากาศ
– อุณหภูมิเฉลี่ยโดยรวม: ประมาณ 24.3 องศาเซลเซียส
– หน้าร้อน: ไม่ร้อนมาก
– หน้าหนาว: ไม่หนาวมาก (อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 18 องศาเซลเซียส ในเดือนธันวาคม)
1. ฤดูหนาว (กลางเดือนพฤศจิกายน – กลางเดือนกุมภาพันธ์)
– ได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงเหนือ
– ความชื้นสัมพัทธ์: ประมาณ 50%
– อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึกได้: 14.6 องศาเซลเซียส (24 ธันวาคม 2542)
2. ฤดูร้อน (กลางเดือนกุมภาพันธ์ – กลางเดือนพฤษภาคม)
– อาจมีฝนตกและพายุลมแรงบ้าง โดยเฉพาะในเดือนเมษายน
– ความชื้นสัมพัทธ์: ประมาณ 75%
– อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึกได้: 37.3 องศาเซลเซียส (17 มีนาคม 2534)
3. ฤดูฝน (กลางเดือนพฤษภาคม – กลางเดือนตุลาคม)
– ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
– ช่วงฝนชุกที่สุด: ปลายเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม
– ความชื้นสัมพัทธ์: ประมาณ 90%
– ปริมาณฝนสูงสุดใน 24 ชั่วโมงที่เคยบันทึกได้: 128.7 มิลลิเมตร (5 สิงหาคม 2544)
สถิติภูมิอากาศปี 2558
– อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด: 35.5 องศาเซลเซียส (เมษายน)
– อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุด: 20.4 องศาเซลเซียส (มกราคม)
– ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยสูงสุด: 84% (ตุลาคม)
– ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยต่ำสุด: 71% (ธันวาคม)
ลักษณะลมประจำถิ่น
– ลมพัทธยา: ลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในต้นฤดูฝน
ข้อมูลภูมิอากาศนี้มาจากสถานีอุตุนิยมวิทยาชลบุรี (พัทยา) ณ มกราคม 2559
ราชการทั่วไปของเมืองพัทยา
การบริหารงานบุคคลของพนักงาน
การส่งเสริม พัฒนาคุณภาพ
และความมั่นคงในชีวิตของประชาชน
การวางแผน พัฒนา
และส่งเสริมการท่องเที่ยว
การส่งเสริม สนับสนุน
การจัดบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ
การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
การขออนุญาตควบคุมอาคาร และการก่อสร้าง
การวางแผนควบคุม และดำเนินการเกี่ยวกับการระบายน้ำ การบำรุงรักษาทางระบายน้ำ
การจัดหาวัสดุครุภัณฑ์ การจ้างงานก่อสร้าง หรือบริการการปรับปรุงซ่อมแซมวัสดุ ครุภัณฑ์
การเงิน การคลัง การบัญชีของเมืองพัทยา
การบริหารการศึกษา และพัฒนาการศึกษา
การกำหนดนโยบาย เป้าหมาย การจัดทำ
การให้คำปรึกษาและเสนอแนะด้านระเบียบกฎหมาย
ตรวจสอบการปฏิบัติการบริหาร
งานงบประมาณการเงิน การพัสดุและทรัพย์สิน
กิจการในสำนักงานเมืองพัทยาสาขา
ในส่วนที่เป็นอำนาจหน้าที่ของปลัดเมืองพัทยา
รอพี่แซมมี่คิดคำให้อยู่จร้าาาา
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า